บทความนี้ คือ บทสรุป Shadow of the Colossus ในตอนที่ 2 โดยใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนแรก หรือหาไม่เจอสามารถกดเข้าไปดูได้ที่นี่ (บทสรุป Shadow of the Colossus ตอนแรก)
บทสรุป Shadow of the Colossus (ในตอนที่แล้ว)
มาย้อนความเดิมในตอนที่แล้วกันสักหน่อยนะครับ ชายปริศนา ที่ไม่มีใครรู้จัก (แวนเดอร์) ได้แบกศพของหญิงที่รัก มายังดินแดนปริศนา เพื่อขอให้ดอร์มิน ช่วยฟื้นคืนชีพสาวอันเป็นที่รักให้ เพราะเธอถูกพวกชาวบ้าน (ลัทธิหรือคนบางกลุ่ม) จับตัวไปบูชายัญจนเสียชีวิต ดอร์มินตกลงที่จะช่วยฟื้นคืนชีพให้ แต่มีข้อแม้คือ จะต้องให้แวนเดอร์เดินทางไปปราบยักษ์ทั้ง 16 ตน ที่กระจายอยู่ทั่วดินแดนแห่งนี้
ในตอนที่แล้ว เราได้จัดการยักษ์ไปทั้งหมด 8 ตนแล้ว โดยในบทความนี้ จะเป็นการปราบยักษ์ 8 ตนที่เหลือ โดยเราจะดูตำแหน่งของยักษ์ตัวที่เหลือจากแผนที่ด้านบน (สามารถกดดูรูปใหญ่ได้)
Colossus 9 – Basaran

ที่อาศัยของยักษ์ตัวนี้ จะมีลักษณะเป็นหมอกจากไอน้ำร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากพื้น จะทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็นของเราลดลงด้วย เมื่อเราเข้าไปในพื้นที่นี้แล้ว เราจะต้องเข้าไปบริเวณหน้าถ้ำ แล้วเราก็จะได้เจอกับยักษ์ที่จะเดินออกมา ซึ่งดูแล้วลักษณะของมันค่อนข้างจะคล้ายกับเต่ายักษ์เลย

วิธีการสู้คือ เราจะต้องล่อให้มันเดินมาคร่อมจุดที่เป็นน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมา โดยวิธีการให้เราเดินไปอยู่บริเวณที่มีน้ำพุร้อน แล้วใช้ธนูยิง ซึ่งในขณะที่เรากำลังล่อมัน ให้เราระวังลูกไฟที่มันจะปล่อยออกมาด้วย
เมื่อมันโดนน้ำพุพุ่งใส่ท้องแล้ว มันจะยกเท้าขึ้นมา 2 ข้าง (ตามรูปแรก) ซึ่งเราจะได้เห็นจุดที่เป็นไฟสีเขียว ให้เรารีบใช้ธนูยิง ที่ใต้เท้าทั้ง 2 ข้าง จนมันล้มจนตัวมันหงายหลัง จากนั้นให้เรารีบวิ่งไปเกาะขนที่ท้องมัน เพื่อปีนขึ้นไปที่ตัว

เมื่อเราสามารถปีนขึ้นท้องมันได้แล้ว ให้เรากะจังหวะที่มันกำลังพลิกตัวขึ้น โดยเราจะต้องไต่อ้อมกระดองมาทางด้านหลัง จะมีทางให้เราเดินตรงกลางกระดอง ไปจนถึงหัว ซึ่งจะมีจุดอ่อนอยู่ (ตามรูปด้านบน) หลังจากนั้นก็จิ้มจนกว่ามันจะตาย
Colossus 10 – Dirge

เดินทางไปยังจุดที่ยักษ์ตัวที่ 10 อาศัยอยู่ ทางเข้าจะเป็นถ้ำ ที่พอเราเข้าไปด้านในแล้ว จะเป็นพื้นทราย แล้วเราก็จะได้เจอกับยักษ์ที่มีลักษณะคล้ายกับงูยักษ์ที่สามารถดำดินได้
วิธีการสู้คือ ให้เราใช้ธนูยิงล่อมัน จนมันเข้ามาโจมตีเรา ให้เราขี่ม้าหนี โดยในระหว่างที่หนี เราจะต้องพยายามหันไปยิงตาของมันให้ได้ (ตามรูปด้านบน) เมื่อเรายิงตามันได้แล้ว มันจะพุ่งชนเสาหิน หรือกำแพง แล้วมันจะมึนชั่วขณะ

ในจังหวะนั้น ให้เรารีบกระโดดขึ้นไปบนตัวมัน โดนมันจะมีขนที่หลังให้เราปีน แล้วเราจะเจอจุดอ่อนจุดแรก อยู่ที่หลังของมัน หากมันหายมึนแล้ว มันจะดำทรายหนี ให้เรารีบกลับไปขี่ม้า แล้วใช้วิธียิงที่ตามันเหมือนเดิม คราวนี้เมื่อเราปีนขึ้นหลังมันได้ ให้เราไปที่บรเวณใกล้ๆกับหัว เราก็จะเจอกับจุดอ่อนอีกจุด ซึ่งจุดนี้เราก็จะสามารถจิ้มจนมันตายได้เลย
Colossus 11 – Celosia

ที่อยู่ของยักษ์ตัวที่ 11 นี้ จะอยู่ในพื้นที่ทะเลทราย โดยเราจะต้องลงมาด้านล่าง แล้วเราจะได้เจอกับยักษ์ที่เฝ้าสถานที่นี้ (เราสามารถกระโดดลงมาจากพื้นที่ทะเลทรายได้ โดยจุดกระโดดจะอยู่ตามรูปด้านบน) ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายๆกับหมูป่า โดยมันจะพยายามวิ่งชนเราอยู่ตลอดเวลา

วิธีการสู้คือ เราจะต้องทำให้มันตกลงไปด้านล่าง (หน้าผา) แล้วเกาะมันจะแตก ซึ่งวิธีการที่จะทำให้มันตกได้ จะมีอยู่ 2 วิธีคือ ให้เราปีนขึ้นไปบนแท่นที่มีไฟอยู่ด้านบน (ตามรูปด้านบน) จากนั้นล่อให้มันวิ่งมาชนแท่นที่เรายืนอยู่ จะทำให้มีคบไฟกระเด็นออกมาจากกองไฟ

ให้เราหยิบคบไฟขึ้นมาจากพื้น (กด R2) จากนั้นให้เราพยายามต้อนยักษ์ให้มันถอยไปเรื่อยๆ (มันจะกลัวไฟ) จนตกหน้าผาไป (ตามรูปด้านบน)
หรืออีกวิธีคือ ให้เรายืนอยู่ริมหน้าผา แล้วพยายามล่อให้มันวิ่งเข้ามาไล่ จากนั้นให้เรากระโดดหลบให้ทัน จนมันตกลงไปด้านล่าง (วิธีนี้ส่วนใหญ่เราจะตกไปพร้อมมันด้วย หรือไม่มันก็จะเบรคทันจนไม่ตกลงไปด้านล่าง ซึ่งจะต้องทำหลายรอบ)

เมื่อยักษ์ตกลงมาด้านล่าง เกาะของมันจะแตกออก แล้วเราก็จะเห็นจุดอ่อนของมันอยูที่กลางหลัง ให้เรารีบกระโดดตามลงมาจิ้มมันเพราะในตอนที่มันตกลงมา มันจะสลบไปสักพัก จากนั้นหากมันตื่น ก็ให้เราเกาะหลังมันไปเรื่อยๆ มันจะวิ่งกลับมาที่ห้องเดิม (ด้านบน)
ให้เราล่อให้มันวิ่งชนแท่นที่มีกองไฟด้านบน เหมือนเดิม เราจะสังเกตได้ว่า เมื่อมันวิ่งชนแท่นแล้ว มันจะมีจังหวะที่มึน นั่นก็จะเป็นโอกาสให้เรากระโดดลงไปเกาะหลังมันได้อีก
Colossus 12 – Pelagia

จุดที่ยักษ์ตัวที่ 12 อาศัยอยู่ จะต้องข้ามสะพานไปอีกฝั่ง โดยเราจะต้องข้ามสะพานทั้งหมด 2 อัน และเมื่อข้ามสะพานที่ 2 แล้ว เราก็จะได้เดินเข้าไปสู่ป่า **แนะนำให้จอดม้าไว้ตรงทางเข้าป่า เพราะหลังจากนี้ เราจะเดินเองเร็วกว่า (ม้าเมื่อเข้าป่า และเจอทางริมหน้าผา จะเดินช้ามาก) **

ผ่านป่าไปแล้วตามทางเราก็จะได้เจอกับสิ่งก่อสร้างที่ดูแล้วคล้ายๆกับเขื่อน ให้เราปีนเสาเข้าไปด้านใน (ตามรูปด้านบน) เดินเข้าไปจนเจอทางตัน แล้วก็กระโดดลงน้ำ แล้วว่ายน้ำต่อ เข้าไปด้านใน

ว่ายน้ำเข้ามาสักพัก เราก็จะได้เจอกับยักษ์ ที่อยู่ในน้ำ วิธีสู้คือ อย่างแรกเราจะต้องระวังพลังสายฟ้าที่มันจะปล่อยออกมาก่อน โดยเราจะสามารถหลบหลังหิน หรือจะดำน้ำเพื่อหลบก็ได้
จากนั้นรอจังหวะที่มันไม่ปล่อยสายฟ้าออกมา รีบว่ายน้ำ ไปด้านหลังมัน จะมีหญ้าที่เราสามารถปีนขึ้นไปบนตัวมันได้ (ตามรูปด้านบน) โดยเราอาจจะว่ายน้ำนานหน่อย เพราะมันจะพยายามหมุนตัวตามเรา แต่เราจะว่ายน้ำเร็วกว่า

เมื่อขึ้นมาบนตัวมันได้แล้ว ให้เราปีนขึ้นมาที่หัวมัน เราจะสังเกตว่า จะมีหินสีเขียวอ่อน เรียงอยู่บนหัว เมื่อเราฟันหินแต่ละก้อน มันก็จะหันหรือเดินไปที่ทิศนั้นๆ ซึ่งเราจะต้องบังคับหรือฟันหินให้มันเดินไปที่แท่นสูงๆ ที่มี 2 ชั้น
จากนั้นให้เรารีบกระโดดมาหลบที่หลังหินบนชั้น 2 (ตามรูปด้านบน) รอมันปล่อยสายฟ้าเสร็จ ให้เราใช้ธนูยิงมันไปเรื่อยๆ แล้วมันจะโจมตีเราโดยใช้ขาหน้ายกขึ้นมาบนแท่นที่เรายืนอยู่

เมื่อมันยกขาหน้าทั้ง 2 ขา ขึ้นมาวางบนแท่นชั้น 2 แล้ว จะทำให้เราเห็นจุดอ่อนของมันที่อยู่ตรงท้อง ก็ให้เรารีบกระโดดไปเกาะตรงท้องเพื่อจิ้มจุดอ่อนมันทันที
หากมันดำน้ำหนี ก็ให้เราใช้วิธีเดิม คือ รอมันขึ้นมา แล้วปีนขึ้นตัวมันจากทางด้านหลัง ขึ้นไปบนหัวบังคับให้มันไปตรงแท่นที่มี 2 ชั้น (ซึ่งในการโจมตีของยักษ์บางครั้งจะทำให้แท่นแตกได้) แล้วรอจนมันยกขาขึ้นมาบนชั้น 2 ก็ค่อยกระโดดไปจิ้มที่ท้องมัน จนมันตาย
Colossus 13 – Phalanx

ให้เราตรงไปยังพื้นที่ทะเลทราย (ดูตำแหน่งในแผนที่ด้านบน) แล้วเราจะเจอกับมังกรทะเลทราย ซึ่งยักษ์ตัวนี้จะบินอยู่บนท้องฟ้า วิธีการสู้คือ ให้เราขี่ม้าพร้อมกับใช้ธนูยิงถุงสีขาวที่อยู่ใต้ตัวมัน (ตามรูปด้านบน) โดยจะมีทั้งหมด 3 ตำแหน่ง คือ บริเวณส่วนหน้า ตรงกลางตัว และที่หางของมัน

เมื่อเราสามารถยิงถุงลมสีขาวครบทั้ง 3 ตำแหน่งแล้ว (หากยังยิงไม่ครบ มันจะแค่ลดระดับลงมาที่พื้น แต่เราจะไม่สามารถกระโดดปีนตัวมันได้) ให้เราสังเกตปีกของมัน ที่จะขูดไปกับพื้นทราย (ตามรูปด้านบน) ซึ่งจะมีจุดที่เราสามารถปีนขึ้นไปได้ (เราจะต้องควบม้าไปขนาบข้างๆปีกมัน แล้วกระโดดจากหลังม้าไปเกาะที่ปีก)

เมื่อเราเกาะที่ปีกของมันได้แล้ว ให้ปีนขึ้นมาด้านบน เดินไปที่หลังคีบ เราจะเจอกับจุดอ่อนที่ซ่อนอยู่ ให้เราจิ้มจนจุดอ่อนมันหาย แล้วค่อยเดินไปตามตัวมัน ไปทางหาง เราจะเจอคีบที่ด้านหลังจะมีจุดอ่อนซ่อนอยู่อีกอัน
ตรงนี้ หากเราปีนช้า มันอาจจะหุบครีบมันลงมา แล้วมันจะมุดลงทราย ให้เราปล่อยมือจากมัน แล้วเมื่อมันโผล่ขึ้นมา ก็ให้เราใช้วิธีเดิมเลย คือ ยิงถุงลมให้หมด จนปีกมันขูดกับพื้น แล้วกระโดดไปเกาะที่ปีกมัน จากนั้นก็เดินไปจิ้มจุดอ่อนที่เหลือ (จะมีจุดอ่อนหลังคีบทั้งหมด 3 จุด) ก็จะจัดการมันได้
Colossus 14 – Cenobia
ตรงไปยังจุดเป้าหมาย ที่เป็นที่อยู่ของยักษ์ตัวที่ 14 โดยเราจะต้องผ่านพื้นที่ ที่เราเคยปราบยักษ์ตัวที่ 9 มาแล้ว (น้ำพุร้อน) ให้เราใช้แผนที่ด้านบนเป็นหลักจะทำให้ไม่งง เมื่อมาถึงจุดตามแผนที่ด้านบนแล้ว เราจะต้องเข้าไปในถ้ำ และภายในถ้ำจะมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ไม่ต้องตกใจ ให้เราว่ายน้ำข้ามไปอีกฝั่งได้เลย (ที่มีแอ่งน้ำกั้น น่าจะเป็นเพราะระบบจะไม่ให้เราใช้ม้าในการสู้กับยักษ์)

เดินมาตามทาง แล้วเราจะโผล่ออกมาเจอซากอาณาจักรโบราณ ซึ่งจะเป็นสถานที่ ที่ยักษ์เฝ้าอยู่ ยักษ์ตัวนี้ดูแล้วคล้ายกับหมาบูลด็อก โดยเมื่อเริ่มฉากต่อสู้แล้ว ให้เราหันหลังไปทางซ้ายมือ เราจะเจอเสาล้มขวางอยู่ (ตามรูปด้านบน) ให้เราปีนเสา แล้วเดินขึ้นกำแพง ไปตามทาง (เดินไปตามเสา แล้วจะมีจุดที่เราสามารถกระโดดขึ้นไปบนกำแพงได้)

จากนั้นเดินไปตามทางเดินบนกำแพง เราจะเจอเสาอีกต้น โดยต้นนี้จะยังไม่ล้ม วิธีสู้กับยักษ์ตัวนี้คือ เราจะต้องล่อให้มันพุ่งชนเสา จนเสาล้มไปเรื่อยๆ (มีหลายเสา) จนไปถึงจุดที่เป็นเป้าหมาย
กลับมาที่เสาต้นแรก ให้เราปีนขึ้นไปด้านบน แล้วยักษ์มันจะพุ่งมาชน ให้เราระวังตกลงมา โดยเราจะต้องกดเกาะเสาให้ทัน จากนั้นปีนขึ้นมายืนบนเสาอีกครั้ง หากยักษ์ไม่ยอมพุ่งชนเสา ก็ให้เรายิงธนูใส่หน้ามัน เพื่อให้มันพุ่งชนเสาอีกครั้ง (เราจะต้องล่อให้ยักษ์ชนเสา จนกว่าจะพังลงมา)
เมื่อเสาพังลงมาแล้ว จะเป็นคัทซีน แต่เราจะต้องคอยกดกระโดดเพื่อปีนไปยังกำแพงที่อยู่ใกล้ๆ (เสาจะพังลงไปด้านที่มีกำแพง โดยเราจะต้องกดกระโดดไปเกาะกำแพงให้ทัน) เมื่อเราขึ้นมาอยู่บนกำแพงแล้ว ให้เราสังเกตว่า จะมีทางเดินจนเราสามารถเดินไปเกาะเสาต้นต่อไปได้

ให้เราล่อยักษ์ไปชนเสาต้นต่อไปเรื่อยๆ โดยระวังเรื่องตกลงมาจากเสา (ในตอนที่ยักษ์พุ่งชน) และเวลาที่เสากำลังล้ม เราก็จะต้องกระโดดเกาะไปที่จุดต่อไปให้ได้ ซึ่งเสาจะมีทั้งหมดประมาณ 6-7 ต้น
ที่เสาต้นสุดท้าย เมื่อมันล้มแล้ว เสาจะล้มไปพังกำแพง จนเราสามารถเข้าไปในพื้นที่ด้านในได้ ให้เราสังเกตรูปด้านบน จะมีจุดที่เราสามารถปีนขึ้นมาได้ (คล้ายๆบันได อยู่กลางรูป) เมื่อเราปีนขึ้นมาชั้นบนได้แล้ว เราจะต้องล่อให้มันพุ่งชนเสาที่ค้ำพื้นชั้น 2 เอาไว้ จะทำให้พื้นชั้น 2 ถล่มไปทับมัน

เมื่อยักษ์ที่โดนพื้นทับ พยายามดึงตัวเองออกมา จนทำให้เกาะที่หลังมันแตก ตอนนี้เราก็จะสามารถเกาะขนที่หลังมันได้ และก็ทำให้เราเห็นจุดอ่อนมันอีกด้วย ที่เหลือเราก็แค่จิ้มที่จุดอ่อนมัน จนสามารถจัดการมันได้
Colossus 15 – Argus

ตรงไปยังจุดที่ยักษ์ตัวที่ 15 อาศัยอยู่ ซึ่งเราจะเจอกับสิ่งก่อสร้างคล้ายๆกับปราสาท ซึ่งทางเข้าปราสาทจะมีก้อนหินปิดอยู่ แต่จะมีซอกเล็กๆ ให้เราเดินเข้าไปได้ โดยหากใครหาไม่เจอ ให้เราหันหน้าเข้าประตูหน้าปราสาท แล้วเราจะต้องเดินสำรวจก้อนหิน จะมีทางให้เราเดินเข้าได้ทางด้านขวามือ
เมื่อเข้าไปด้านใน เราก็จะได้เจอกับยักษ์ตัวที่ 15 (เอาม้าเข้าไปไม่ได้) ในขณะที่เราวิ่งเข้าไปหายักษ์ด้านใน หลังจากขึ้นบันไดมาแล้ว ให้เราสำรวจสถานที่ทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งภายในสถานที่ ที่เราจะต้องสู้กับยักษ์ตัวนี้ จะมีลักษณะเป็นลานกว้าง และเป็นทางยาว ซึ่งจะมีสิ่งก่อสร้างสูงอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง และมีทางเชื่อมอยู่ด้านบน ให้เราเดินสังเกต แล้วเราจะเห็นว่า ทั้ง 2 ฝั่ง จะมีบันได อยู่ที่ชั้นบน (แต่ตอนนี้เราจะไม่สามารถปีนขึ้นไปได้)
และเมื่อเราเดินเข้าไปถึงจุดที่ยักษ์อยู่ หลังคัทซีนเปิดตัว ให้เราเดินล่อยักษ์ ให้เดินมาเหยียบเรา ที่พื้นตรงจุดที่มีบันได ของฝั่งไหนก็ได้ (ตามรูปด้านบน) แล้วพื้นจะเผยอขึ้น ให้เราสามารถกระโดดปีนขึ้นไปด้านบนได้

เมื่อขึ้นมาด้านบนแล้ว ให้เราเดินไปตรงจุดที่มีแท่นหิน วางอยู่ จากนั้นให้เรายืนอยู่แถวๆนั้น แล้วยิงธนูเพื่อล่อให้ยักษ์เหวี่ยงดาบมาโจมตีเรา (อย่าลืมหลบให้ทันด้วยล่ะ) แล้วจะทำให้หินถล่มลงมาต่อกัน (ตามรูปด้านบน) ซึ่งจะทำให้เราสามารถปีนขึ้นไปด้านบนได้

ขั้นตอนต่อไป ให้เราเดินมาที่ทางเชื่อม ชั้นบนสุด (ให้เรายืนริมๆ อย่าอยู่ตรงกลาง) แล้วยิงล่อให้มันโจมตี มันจะฟันจนทางเชื่อมขาด จากนั้นให้เรากะจังหวะที่มันเดินมาดีๆ แล้วกระโดดลงไปเกาะหัวมันให้ได้ ซึ่งเราก็จะเจอจุดอ่อนที่อยู่บนหัวมัน จิ้มที่จุดอ่อนจนจุดอ่อนหายไป (เลือดของยักษ์จะลดลงประมาณ 80-90%)

หลังจากจิ้มจุดอ่อนที่หัวเสร็จแล้ง ให้เราไต่ลงไปที่แขนขวาของมัน เราจะเจอแผลแถวๆ ข้อศอก (ตามรูปด้านบน) เมื่อเราจิ้มเข้าไปที่แผลของมันแล้ว มันจะจเ็บจนทิ้งดาบที่ถืออยู่ และเราก็จะได้เห็นจุดอ่อนอีกจุด ที่ฝ่ามือของมัน ตรงนี้หากใครที่ค่าความเหนื่อยเหลือ สามารถเล็งจังหวะดีๆ แล้วไต่ลงไปที่มือมันได้เลย (ที่ฝ่ามือของมัน จะมีขนให้เราเกาะได้)

หากเราตกลงมาก่อนที่จะได้จิ้มจุดอ่อนที่ฝ่ามือ วิธีขึ้นคือ ให้เราล่อให้มันทุบพื้น (ตามรูปด้านบน) เรารีบวิ่งไปเกาะตรงจุดที่เป็นขน เราก็จะสาารถปีนขึ้นไปจิ้มจุดอ่อนมันได้ แต่เราจะล่อให้มันทุบยากหน่อย เพราะหากเราอยู่ไกลไป มันอาจจะใช้วิธีเหยียบแทน เพราะฉะนั้น ต้องกะระยะการโจมตีของมันให้ดี เมื่อเราสามารถจิ้มจุดอ่อนที่ฝ่ามือได้ เราก็จะจัดการยักษ์ตัวนี้ได้สำเร็จ
Colossus 16 – Malus

ไม่รอช้า เพราะเป็นยักษ์ตัวสุดท้ายแล้ว โดยจะอยู่ล่างสุดของแผนที่เลย (ลงจากห้องโถง ก็จะอยู่ด้านหน้าเลย แต่เราจะต้องเดินอ้อมเขาที่ขวางอยู่ ดูตามแผนที่จะเข้าใจมากขึ้น) เมื่อมาถึงแล้ว เราจะเจอประตูที่ปิดอยู่ แล้วเราจะสังเกตที่ประตู จะมีสัญลักษณ์วงกลม (หมุน) ให้เราไปยืนหน้าประตู (ตรงจุดที่พื้นเป็นวงกลม) แล้วยกดาบขึ้นมาส่องไฟไปที่วงกลม ประตูก็จะเปิดออก

ขึ่ม้าต่อเข้าไปด้านใน (ผ่านประตูแล้วจะมีจุดให้เราเซพ) เดินเข้าไปจนถึงสะพาน (ตามรูปด้านบน) แล้วสะพานจะถล่มจนทำให้ อาโกร ม้าของเราตกลงไปด้านล่าง พร้อมกับฝนที่ตกลงมา (เป็นซีนเรียกน้ำตาทันที)

ให้เราหาทางปีนขึ้นไปด้านบน แล้วเราจะเจออุโมงค์ที่เราสามารถเดินเข้าไปด้านในได้ เดินออกมาอีกฝั่ง แล้วปีนขึ้นไปด้านบนต่ออีกเล็กน้อย เราก็จะได้เจอกับยักษ์ตัวสุดท้าย แม้ยักษ์ตัวนี้จะเดินไม่ได้ แต่มันจะสามารถโจมตีด้วยการยิงลูกไฟ ที่ทั้งเร็ว แม่นยำ และจำนวนมาก เพราะฉะนั้น อย่างแรกเมื่อเราสามารถบังคับตัวละครได้ คือ ให้เรารีบหาที่กำบังก่อน
จากนั้นให้เราหาพื้นที่ ตามรูปด้านบน เราจะเจอช่องที่ให้กระโดดลงไปด้านล่าง มันจะเป็นทางเชื่อมที่ทำให้เราสามารถเดินเข้าไปใกล้กับบอสได้ ให้เราเดินมาตามทางที่อยู่ใต้ดิน เราจะโผล่มาอีกด้าน กระโดดขึ้นมาโดยระวังลูกไฟที่จะพุ่งมาใส่ตัวเรา ขึ้นมาแล้วให้หาที่กำแพงก่อน แล้วลองสำรวจแถวๆนั้น เราก็จะเจอช่องให้เรากระโดดลงไปด้านล่างอีกช่อง ซึ่งก็จะมีทางเดินใต้ดินเหมือนกัน โดยเราจะต้องใช้วิธีนี้ไปเรื่อยๆ จนสามารถเข้าใกล้ตัวยักษ์ได้

ทางใต้ดินอันสุดท้าย จะพาเราขึ้นไปที่ใต้ร่างของยักษ์เลย ซึ่งจะมีคัทซีนร่างยักษ์เต็มๆ ให้เราดู โดยช่วงล่างของยักษ์ จะคล้ายๆกับปราสาท ซึ่งจะมีที่ให้เราปีนค่อนข้างเยอะ ให้เราปีนขึ้นไปจนถึงเอว จากนั้นเดินอ้อมมาทางด้านหลัง เราจะเจอกับแผล (ตามราูปด้านบน) เมื่อเราจิ้มเข้าไปที่แผลแล้ว มันจะเอื้มมือมาจับแผล ให้เรากะจังหวะเพื่อกระโดดไปเกาะที่มือมันให้ได้

หลังจากที่เรากระโดดเกาะที่มือซ้ายได้แล้ว ให้เราไต่ขึ้นไปที่ต้นแขน เราก็จะเจอแผลอีกจุด จัดการจิ้มเข้าไปที่แผล แล้วมันจะเอามือขวามาจับที่แผล ก็ให้เรากระโดดไปเกาะที่มือขวาของมันแทน

ขั้นต่อไปจะยากหน่อย โดยหลังจากที่เราเกาะที่มือขวาได้แล้ว ให้เราปีนไปที่หลังมือ แล้วรอจังหวะที่ยักษืมันจะทำมือนิ่งๆ (หากไม่ยอมนิ่ง ให้เราลองแทงที่หลังมือดู) ในจังหวะที่มันพลิกหลังมือขึ้นมาดู เราจะมีเวลาเล็กน้อย ให้เรารีบเปลี่ยนไปใช้ธนู แล้วยิงเข้าที่แผลบริเวณไหล่ซ้ายของมัน หากยิงโดนแผลที่ไหล่ซ้าย มันจะเอามือขวาที่เรายืนอยู่ ไปจับแผลที่ไหล่ซ้ายของมัน

ให้เรากระโดดไปที่ไหล่ของมัน จากนั้นปีนไปยังด้านหลัง แล้วขึ้นไปที่หัว เราก็จะเจอกับจุดอ่อน ทำการจิ้ม จนกว่ามันจะตาย โดยหากเราเหนื่อยก่อน ให้เรากลับมาตั้งหลักที่ด้านหลังคอ (ตามรูปด้านบน) ชาร์จพลังจนกว่าจะเต็ม แล้วค่อยปีนขึ้นไปจัดการมันต่อ ** พยายามอย่าพลาดตกลงมา เพราะเราจะต้องปีนขึ้นไปใหม่ตั้งแต่ต้นเลย **
บทสรุป Shadow of the Colossus เนื้อเรื่องตอนจบ
หลังจากที่เราจัดการยักษ์ตัวสุดท้ายเสร็จ จะมีกลุ่มคนขี่ม้าเข้ามาในสถานที่ ที่เราอยู่ (ห้องโถงที่เราเอาผู้หญิงไปวาง) แล้วผู้เฒ่าที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนี้ (ชื่อลอร์ดเอมอน) จะบอกกับคนในกลุ่มว่า พวกเค้ามาสายเกินไปแล้ว เพราะรูปปั้นทั้งหมดได้ถูกทำลายลงแล้ว
หลังจากที่ร่างของแวนเดอร์ได้ปรากฎขึ้นภายในห้องโถงแห่งนี้ ก็จะพบว่า ร่างของแวนเดอร์ได้กลายเป็นร่างปีศาจ (ซึ่งหมายความว่า หลังจากที่แวนเดอร์กำจัดยักษ์แต่ละตัวได้แล้ว จะมีพลังงานสีดำพุ่งเข้ามาในร่าง ก็คือวิญญาณของปีศาจนั่นเอง) แล้วลอร์ดเอมอนก็จะเฉลยว่า แท้จริงแล้ว แวนเดอร์ได้ขโมยดาบ เข้ามายังดินแดนต้องคำสาป เพราะดินแดนแห่งนี้ คือดินแดนที่กักวิญญาณปีศาจที่ชั่วร้ายเอาไว้ โดยวิญญาณที่ชั่วร้ายในที่นี้ ก็คือ ดอร์มินนั่นเอง
วิญญาณของดอร์มินถูกแยกออกเป็น 16 ส่วน และถูกผนึกไว้ในยักษ์ที่กระจายไปยังทั่วดินแดนต้องคำสาปแห่งนี้ แต่แวนเดอร์ที่ต้องการชุบชีวิตคนรักขึ้นมา ได้ถูกดอร์มินหลอกใช้ โดยการให้เค้าไปทำลายยักษ์แต่ละตัวเพื่อปลดผนึก ปีศาจดอร์มินขึ้นมา
ลอร์ดเอมอนที่ไม่มีทางเลือก จึงสั่งให้คนที่มาด้วย จัดการสังหารแวนเดอร์ โดยคิดว่ามันน่าจะช่วยหยุดการฟื้นตัวของดอร์มินได้ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นการสังเวยเพื่อเรียกปีศาจร้ายออกมาแทน ลอร์ดเอมอนเห็นท่าไม่ดี จึงสั่งคนที่เหลือให้ช่วยกันทำการผนึกดอร์มินอีกครั้ง โดยตอนนี้เราก็จะได้บังคับเป็นดอร์มิน ที่จะสามารถโจมตีชาวบ้านได้
จนสุดท้าย ชาวบ้านจะเก็บดาบโบราณ แล้วเดินขึ้นบันไดไป ส่วนลอร์ดเอม่อน จะทำพิธีผนึกดอร์มินอีกครั้ง แล้วโยนดาบลงมาที่บ่อน้ำ ซึ่งจะทำให้ร่างของเรา (ดอร์มิน) โดนดึงลงไปที่บ่อน้ำ
สุดท้ายกลุ่มของลอร์ดเอม่อน ที่กำลังควบม้าออกไป พร้อมกับสะพานที่เชื่อมมายังดินแดนแห่งนี้ ก็เริ่มที่จะพังลงมา นั่นหมายความว่าหลังจากนี้ ก็จะไม่มีใครสามารถเข้ามาที่นี่ได้อีก
ฉากจะตัดกลับไปที่หญิงสาวที่นอนอยู่ในห้องโถง ซึ่งได้ฟื้นขึ้นมา สักพักอาโกร ที่พลัดตกลงไปในน้ำก่อนหน้านี้ ก็จะเดินกะเผลกเข้ามา
หลังจากจบ end credit รอบแรก พวกของลอร์ดเอม่อน ที่จะสามารถข้ามสะพานไปได้สำเร็จ ก็จะมีบทพูดขึ้นมาเล็กน้อย โดยจะบอกว่า เราคือคนบาป หากว่าเรายังมีชีวิตอยู่ ก็ขอให้ชดใช้บาปในดินแดนแห่งนี้ไป (เพราะไม่มีใครที่จะสามารถเข้า-ออกดินแดนแห่งนี้ได้แล้ว) จากนั้นฉากก็จะตัดมาที่ หญิงสาว ที่จะเดินตามอาโกรไปที่บ่อน้ำด้านใน จะได้เจอกับร่างของเด็กทารก ที่มีเขางอกออกมา
แล้วทั้งหมดก็จะเดินออกไปที่ สวนด้านหลัง ซึ่งจะมีความอุดมสมบูรณ์ โดยดูได้จากมีสัตว์ต่างๆ อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ (สวนนี้ถูกขนานนามว่าเป็น Secret Garden)….จบ Shadow of the Colossus
ปล.หญิงสาวที่ถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมา มีชื่อว่า โมโน
ปล2 สำหรับคนที่ชอบเกมแนวๆนี้ จะมีเกมที่อยู่ในซี่รี่ย์นี้อีก คือ The Last Guardian ที่ลง PS4 ไปก่อนหน้านี้แล้ว และเกม ICO ที่ยังไม่ได้ทำลง PS4 แต่มีให้เล่นในเวอร์ชั่น PS2 และ PS3 ซึ่งแม้ว่าอีก 2 เกมที่เหลือ เนื้อเรื่องอาจจะไม่ต่อกัน และอาจจะคนละแนวกันไปบ้าง แต่ทั้ง 3 เกมเกิดจากผู้สร้างเดียวกัน และรูปแบบกราฟฟิค หรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ จะค่อนข้างเหมือนกันมาก
ส่วนเกม ICO มีคนให้ข้อสังเกตว่า เด็กตัวเอก จะมีเขา ซึ่งอาจจะเป็นเด็กทารกในเกม Shadow of the Colossus ก็เป็นได้ เพราะชุดที่ใส่ ก็ค่อนข้างเหมือนกับแวนเดอร์ พระเอกที่เราเล่นในเกมนี้ด้วย แต่ก็จะมีบางความเห็นที่จะบอกว่า ทั้ง 2 เกม มีช่วงเวลาที่ห่างกันค่อนข้างมาก