Final Fantasy XV – Chapter 14 – Homecoming [END]

หลังจากที่น็อคทิสออกมาจากมิติของคริสตัลได้แล้ว (Final Fantasy XV – Chapter 13 – Redemption) ด้วยลักษณะที่ดูมีอายุมากขึ้นกว่าเดิม ก็จะขับเรือมาขึ้นที่ท่าเรือ Galdin Quay Ruins พร้อมกับอัมบร้า โดยในตอนนี้เราจะสังเกตได้ว่า โลกมนุษย์จะถูกปกคลุมด้วยความมืดอย่างสมบูรณ์แล้ว

ใน Chapter นี้จะเป็นตอนสุดท้ายแล้ว ซึ่งจะมีภารกิจหลักแบ่งเป็น 3 ภารกิจ คือ

World of Ruin

เมื่อน็อคทิสขึ้นฝั่งเรียบร้อยแล้ว ให้เราเดินเข้าไปเล็กน้อย เราจะเจอศัตรูวิ่งเข้ามาโจมตีเรา จัดการแล้วเดินเข้าไปตามทางต่อ เราจะพบว่า เมื่อโลกที่ถูกปกคลุมด้วยความมืด ทำให้มนุษย์ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เหมือนเดิม เพราะถูกเหล่ามอนส์เตอร์เข้ามารุกรานจนสุดท้าย กลายเป็นเมืองร้างไป รวมถึงท่าเรือแห่งนี้ด้วย

ให้เราเดินออกจากที่ท่าเรือแห่งนี้ โดยเราจะโดนศัตรูดักโจมตีตลอดทาง ให้เราจัดการศัตรูให้หมดแล้วออกจากที่นี่ให้ได้ (หากไม่อยากสู้ เราจะสามารถวิ่งหนีได้ แต่แนะนำให้สู้ดีกว่า)

เมื่อเราสามารถออกจากท่าเรือได้แล้ว ให้เราวิ่งไปตามถนน ตรงไปยังจุดเป้าหมาย โดยในช่วงนี้ เราอาจจะได้เจอกับศัตรูที่มีเลเวลสูงมาก (เราจะสู้หรือหนีก็แล้วแต่ หากใครชอบความท้าทายก็จัดไป)

** เราไม่จำเป็นต้องเดินไปตามถนนก็ได้ (เพราะค่อนข้างไกล) ขอแค่เราไปให้ถึงจุดเป้าหมายก็พอ**

เมื่อเรามาถึงจุดเป้าหมายแล้ว รอสักพัก เราจะได้เจอกับรถบรรทุกที่จะจอดรับเรา ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือ ทัลคอท (Talcott) เด็กที่เราเคยรู้จักกันมาก่อน เมื่อทัลคอทรับน็อคทิสขึ้นรถแล้ว จะโทรรายงานใครบางคน ซึ่งจะขอคุยกับน็อคทิสด้วย แต่น็อคทิสจะบอกว่า เดี๋ยวค่อยคุยกันตอนที่ได้เจอกันแล้ว

ระหว่างทาง เราจะได้รู้ว่า หลังจากเหตุการณ์ที่น็อคทิสถูกดูดเข้าไปในคริสตัล ก็ผ่านมา 10 ปีแล้ว โดยคนส่วนใหญ่จะอยู่กันที่ Lestallum แต่เพื่อนๆของน็อคทิส จะอยู่ที่ Hammerhead ซึ่งที่ Lestallum จะมีโรงไฟฟ้าที่ยังสามารถผลิตแสงสว่างได้อยู่ คนเลยอพยพไปอยู่ที่นั่น เพราะที่อื่นๆ ถูกความมืดปกคลุมและโดนปีศาจเข้ายึดครองไปหมดแล้ว จะมีแค่ที่ Lestallum และ Hammerhead ที่ยังมีแสงสว่างอยู่ แต่ที่ Hammerhead มีพื้นที่เล็กเกินไปเลยให้ที่อยู่กับคนไม่ได้มาก ซึ่งตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนไปเป็นฐานของพวกนักล่าที่เรียกว่า Slayer Station (ที่เหลือก็จะเป็นข่าวคราวของคนอื่นๆ)

  • Cid – ยังไม่ตาย และย้ายไปอยู่ที่ Lestallum แล้ว แต่ไม่ยอมเปิดอู่ต่อ
  • Cindy – ยังอยู่ที่อู่ แค่งานไม่ค่อยมี เพราะคนไม่ได้ใช้รถกันแล้ว
  • Iris – เป็นนักล่ามอนส์เตอร์ โดยได้ฉายาว่า Iris The Daemons Slayer

ส่วนเพื่อเราที่เหลือก็คอยออกไปล่าพวกมอนส์เตอร์ ถึงแม้ว่าตาของอิกนิสจะมองไม่เห็นแล้วแน่ๆ แต่การที่ทั้ง 3 ได้ออกไปล่าด้วยกัน ทำให้กลุ่มนี้แข็งแกร่งมาก

เมื่อเราเดินทางมาถึง Hammerhead ล้ว พวกเพื่อนๆของน็อคทิสจะเดินออกมากล่าวต้อนรับเล็กน้อย แล้วอิกนิสจะบอกให้เข้าไปคุยต่อด้านใน แล้วฉากก็จะตัดมาให้เราบังคับน็อคทิส (ไม่จำเป็นต้องเข้าไปด้านในก็ได้) ถึงตรงนี้ระบบจะขึ้นมาบอกเราว่า การต่อสู้ครั้งสุดท้ายใกล้เข้ามาแล้ว ให้เราเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนออกจาก Hammerhead

ให้เราเดินซื้อของและอาวุธ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม **แนะนำให้ซื้อดาบ Durandal ไปใช้ เพราะมันเป็นธาตุแสง โดยจะทำให้เราสามารถจัดการกับศัตรูที่จะเจอได้ง่าย (ศัตรูที่เราจะเจอต่อไป ส่วนใหญ่จะแพ้ธาตุแสง)** นอกจากนี้ให้เราเดินสำรวจให้ทั่ว เมื่อพร้อมแล้ว ให้เราเดินไปสำรวจที่ประตู เพื่ออกไป Insomnia ได้เลย

จบภารกิจ World of Ruin (ได้รับ EXP 2000)

The cure for Insomnia

เมื่อออกจาก Hammerhead แล้ว เพื่อๆของเราจะตกลงกันว่าจะไปเปลี่ยนชุดที่เตรียมเอาไว้ ซึ่งฉากจะตัดมาที่ พวกเราจะไปตั้งแคมป์กัน เป็นครั้งสุดท้าย (ให้เราเลือกอาหารที่ต้องการ โดยให้เราเลือกอาหารที่มีบัฟเยอะๆ จะช่วยได้มาก)

หลังจากจบการตั้งแคมป์ ฉากจะตัดมาที่พวกของน็อคทิส ที่จะเดินทางเข้ามาในเมือง Insomnia เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในนี้จะมีศัตรูอยู่มากมาย กระจายไปทั่วบริเวณ โดยเมื่อเราสามารถบังคับตัวละครได้แล้ว เราจะเข้าสู่โหมดต่อสู้ทันที เมื่อสู้เสร็จแล้ว เราจะสามารถเดินไปที่ห้องน้ำ ใกล้ๆกับทางเข้า ที่นั่นเราจะสามารถโทรเรียกอัมบร้า เพื่อย้อนเวลากลับไปเก็บเลเวลได้ (แนะนำให้เก็บเลเวลไม่ต่ำกว่า 50) และทางที่จะพาเข้าสู่พระราชวังที่ดีที่สุด คือ ทางอุโมงค์ใต้ดิน ซึ่งมีศัตรูแต่จะไม่เก่งเท่ากับบนพื้น แล้วเราจะสามารถโผล่ขึ้นไป เจอกับบอส Behemoth King ที่เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูได้เลย

และหากเราเดินเข้าไปตรงๆ เราจะได้เจอกับศัตรูที่ค่อนข้างเก่ง เช่น

Iseultalon – เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งมาก (เลเวล 72) ศัตรูตัวนี้คือ Deathclaw จาก Chapter 12 เราจะต้องหลบการโจมตีด้วยเลเซอร์ของมัน ให้อิกนิสใช้ท่า imbuing และน็อคทิสใช้อาวุธธาตุไฟ จะทำให้กำจัดได้ง่ายขึ้น โดยเน้นการโจมตีระยะประชิด และอย่าลืมพยายามหลบการโจมตีของมันให้ได้

Nagarani – เราเคยเจอกับศัตรูตัวนี้แล้ว แต่คราวนี้มันจะมาถึง 2 ตัวพร้อมกัน ซึ่งศัตรูตัวนี้นอกจากจะมีพลังโจมตีที่สูงแล้ว ยังสามารถสาปให้เราเป็นหินหรือกบได้อีกด้วย วิธีการสู้คือ ให้เราเน้นโจมตีที่ตัวใดตัวหนึ่งจนมันตายก่อน แล้วค่อยไปจัดการกับอีกตัว และพยายามใช้ท่าของกราดิโอรัสก็จะช่วยได้มาก

Ariadne – ศัตรูตัวนี้น่าจะอ่อนที่สุดจากแต่ละตัวก่อนหน้านี้ ให้เราเน้นการหลบและเค้าเตอร์การโจมตี และใช้ท่าของอิกนิส ก็จะทำให้จัดการได้ง่ายๆ

Yojimbo – ศัตรูตัวนี้มีดีที่พลังโจมตี แต่เราจะสามารถป้องกันการโจมตีได้ นอกจากนี้ศัตรูตัวนี้จะมีเลือดค่อนข้างน้อย ขอแค่ระวังการโจมตีของมันก็พอ

Boss – Behemoth King

ถึงบอสตัวนี้จะดูน่ากลัว แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป บอสตัวนี้ทนต่อธาตุน้ำแข็ง การโจมตีของมัน (melee attacks) เราจะสามารถบล็อคและโจมตีกลับได้ง่าย ให้ระวังท่าที่มันจะกระโดดพุ่งใส่พื้น แต่เราจะสามารถหลบได้ง่ายๆ ด้วยการวาร์ปไปเกาะด้านบน

ระวังท่าปล่อยน้ำแข็งของมัน จะเป็นการโจมตีบริเวณกว้าง ซึ่งเราจะสามารถสังเกตได้จากที่มันจะยกขาหน้าขึ้นมา ให้เรารีบหลบ โดยวาร์ปขึ้นด้านบน ก็จะสามารถหลบได้

หลังจากกำจัด Behemoth King ได้แล้ว แนะนำให้เรานอนพักก่อนที่จะเข้าสู้กับศึกใหญ่ที่จะมีอีก 2 รอบ ในไม่ช้านี้ (ห้องนอนจะอยู่ด้านซ้ายมือ ของประตูทางเข้า) เมื่อเราเตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็ให้มาสำรวจที่ประตูทางเข้า Citadel (ระบบจะขึ้นเตือนเราว่า อาดีนรอเราอยู่ใน Citadel เราพร้อมที่จะเข้าไปเลยไหม)

Boss – Ifrit

ให้เราเดินเข้าไปด้านใน แล้วอาดีนจะออกมาบอกเราว่า เทพอิฟริท ไม่ได้เห็นด้วยกับเทพองค์อื่นๆ ที่จะปกป้องพวกมนุษย์ ซึ่งแน่นอนว่าต้องอยู่ข้างความมืดอยู่แล้ว อาดีนจะบอกต่อไปว่าอิฟริทกำลังรอต้อนรับเราอยู่ ส่วนอาดีนนั้นจะรอเราอยู่ด้านบน

โดยหลังจากนี้จะเป็นฉากแรกที่เราเริ่มเล่นเกมนี้เลย (ฉากที่เราและเพื่อนๆ เดินเข้าไปหาอิฟริทที่นั่งอยู่ที่บัลลังก์) ให้เราเดินเข้าไปหาอิฟริท จนน็อคทิสโดนอิฟริทยิงไฟใส่ แล้วเพื่อนๆจะเรียกเราให้มาหลบหลังกำบัง ให้เราเดินไปด้านซ้ายมือ จะมีอิกนิสนั่งหลบอยู่ หลังจากนั้นอิกนิสจะฟื้นพลังให้เราและก็จะเข้าสู่ฉากต่อสู้

ในช่วงแรกจะเป็นการสู้ที่ค่อนข้างง่าย ให้เราใช้วาร์ปเพื่อเข้าไปโจมตี โดยเน้นธาตุน้ำแข็ง และระวังสกิลไฟที่มันจะปล่อยออกมา ให้เราโจมตีมันไปเรื่อยๆ จนเราสามารถเรียกเทพบาฮามุทมาจัดการมันได้

เมื่อเราสามารถตัดเขาของอิฟริทได้แล้ว มันจะเปลี่ยนเป็นร่าง 2 โดยให้เราใช้การโจมตีโดยการวาร์ปเหมือนเดิม แต่สิ่งที่จะเพิ่มเข้ามาคือ เมื่ออิฟริทมีไฟคลุมตัวอยู่ มันจะแทบเป็นอมตะชั่วคราว (ตีไม่เข้า) ให้เรารอจังหวะที่ไฟดับถึงจะโจมตีต่อได้

และอีกท่าที่เพิ่มเข้ามาคือ มันจะกระโดดขึ้นฟ้าแล้วพุ่งตัวลงมา ก็ให้เราใช้วิธีวาร์ปขึ้นไปหลบด้านบน ก็จะสามารถหลบการโจมตีของมันได้ และบางจังหวะที่เราตามโจมตีมันทัน เราจะสามารถกดปุ่มเพื่อโจมตีใส่มันได้ (ต้องกดปุ่มที่โชว์ขึ้นมาให้ทัน) ให้เราโจมตีมันไปเรื่อยๆ จนเราได้ยินเสียงของเทพชีว่า แล้วเราจะสามารถกดเรียกเทพชีว่าออกมาช่วยโจมตีมันได้

หลังจากกำจัดเทพอิฟริทได้แล้ว ให้เราเดินต่อเข้าไปในพระราชวัง แล้วขึ้นลิฟต์ไปด้านบน เดินออกจากลิฟต์แล้วเดินไปยังจุดเป้าหมาย ก่อนที่จะเข้าห้อง น็อคทิสจะขอดูรูปที่พรอมโต้เคยถ่าย โดยเราจะต้องเลือกมา 1 รูป (รูปถ่ายตั้งแต่เริ่มเกมส์เลย) ซึ่งรูปที่เราเลือกนี้ จะไปอยู่ในคัทซีนตอนท้าย และเป็นรูปที่แสดงตอนเราเคลียเกมส์แล้ว เมื่อเลือกเสร็จพรอมโต้จะถามเราอีกครั้ง ว่าไม่เปลี่ยนใจแน่นะ เมื่อจบการเลือกรูปแล้ว พวกน็อคทิสก็จะเข้าไปหาอาดีนในห้อง

เมื่อเข้ามาแล้ว พวกน็อคทิสจะพบศพโดนแขวนอยู่ (น่าจะเป็นภาพลวงตา) ซึ่งจะมีกษัตริย์องค์ก่อน และลูนาเฟย่าด้วย หลังจากที่คุยบรัฟกันเล็กน้อย อาดีนจะยิงพลังใส่เพื่อนๆของน็อคทิสจนล้มลงไป (อาดีนจะบอกกับน็อคทิสว่า พวกนี้ไม่เกี่ยว ศึกนี้คือศึกของราชา) แล้วก็จะหนีออกไปด้านนอก

Final Boss – Ardyn

ให้เราเดินขึ้นไปบนบัลลังก์แล้วศพที่แขวนอยู่ก็จะหายไป (เป็นภาพลวงตาที่อาดีนสร้างขึ้นเพื่อข่มขวัญพวกน็อคทิส) แล้วเดินออกไปตรงจุดที่เป็นซากพังลงมา (จุดเดียวกับที่อาดีนเดินออกไป) แล้วน็อคทิสก็จะวาร์ปลงมาด้านล่าง ในจุดที่อาดีนกำลังยืนรออยู่

หลังจากคัทซีนที่น็อคทิสและอาดีนปะทะกันเล็กน้อย จะทำให้เรารู้ว่า อาดีนจะใช้สกิลหรือการโจมตีเหมือนเรา (ดาบ-วาร์ป) ในการสู้กับบอสอาดีนนั้น ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะเนื่องจากมันจะไม่แพ้ธาตุอะไรเลย ให้เราโจมตีไปธรรมดา โดยพยายามวาร์ป-โจมตี และจะมีบางครั้งที่เราจะต้องกดตามปุ่มที่ขึ้นมา เพื่อเป็นการงัดดาบกับอาดีน

หลังจากที่เราสู้ไปสักพัก จะมีคัทซีนขั้นเล็กน้อย แล้วทั้งน็อคทิสจะใช้พลังจากบรรพบุรุษ (ที่เคยใช้ในตอนที่ต่อสู้กับ เลเวียแทน) ส่วนอาดีนก็จะมีพลังคล้ายๆกับน็อคทิส (แต่เป็นสีแดง) ถึงตรงนี้ไม่ต้องคิดอะไรมาก พุ่งเข้าไปใส่มันได้เลย เน้นโจมตีระยะประชิด และคอยหลบการโจมตีของมัน ถ้ามีโอกาส สิ่งที่ทำให้เราเหนือกว่าอาดีนก็คือ เราสามารถใช้ไอเท็มเติมพลังได้ (ปั๊มยาแล้วเข้าไปบวกกับมันต่อ)

สุดท้ายน็อคทิสจะระเบิดพลังใส่อาดีนจนตกลงมาที่พื้นทั้งคู่ แล้วจะมีวิญญาณของเหล่าเทพมายืนล้อมน็อคทิสและอาดีน เมื่อเราสามารถบังคับน็อคทิสได้แล้ว ให้เราเดินไปฟันมันเรื่อยๆ (หากพลังหมดก็ปั๊มยา) ตรงจุดนี้เราจะไม่สามารถหลบหรือป้องกันการโจมตีของอาดีนได้ หรือพูดง่ายๆคือ ฟันแลกกันไปเลย จนเมื่อพลังของอาดีนหมด จะมีปุ่มขึ้นมาให้เรากดตามไปเรื่อยๆ จนสามารถกำจัดอาดีนได้สำเร็จ

แล้วหลังจากนั้นวิญญาณของเหล่าเทพที่มายืนล้อมวงดูการต่อสู้ก็จะหายไป น็อคทิสจะเดินมาคุยกับอาดีนว่า คราวนี้ขอให้หลับตาและไปสู่สุขติตลอดไป แต่อาดีนจะบอกว่าจะรอน็อคทิสที่โลกหน้า แล้วร่างของอาดีนก็จะสลายไป

จบ The cure for Insomnia (ได้รับ EXP 10000)

Epilogue

คัทซีนหลังจากที่เราสามารถเอาชนะอาดีนได้แล้ว น็อคทิสและเพื่อนๆของเขา จะมากล่าวคำลากันที่หน้าพระราชวัง โดยน็อคทิสจะฝากให้เพื่อนๆช่วยฟื้นฟูบ้านเมือง แทนเขา เพราะการรับพลังจากเทพ จะต้องแลกมาด้วยชีวิต ซึ่งจะสามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้ โดยหลังจากที่กล่าวลากันเสร็จ จะมีศัตรูโผล่ขึ้นมาจากพื้น ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของทั้ง 3 คน ที่จะต้องกวาดล้างเหล่าปีศาจทั้งหลายให้สิ้นไป

ส่วนน็อคทิสจะเดินกลับไปนั่งที่บัลลังก์ และกล่าวความคิดถึง ถึงพ่อ (กษัตริย์ผู้ล่วงลับ) และลูนาเฟย่า (นางที่รัก) ก่อนที่น็อคทิสจะเรียกบรรพบุรุษให้ออกมารับตัว (โดนบรรพบุรุษเรียงคิวเสียบดาบใส่ตัวเอง โดยมีพ่อเป็นคนสุดท้าย) และตายคาบัลลังก์ในที่สุด

ฉากจะตัดมาที่น็อคทิสที่เข้ามาอยู่ในอีกมิติ ซึ่งอาดีนได้รอเค้าอยู่ จะมีปุ่มขึ้นมาให้เรากดตาม แล้วน็อคทิสก็จะสามารถจัดการกับอาดีนได้ แบบที่อาดีนหลุดออกจากคำสาป พร้อมกับน็อคทิสที่จะสลายไปด้วย

จบ Chapter 14 – Homecoming [END]

หลังจบ EndCredit จะเป็นฉากตอนที่พวกน็อคทิสตั้งแคมป์ครั้งสุดท้าย (หลังจากออกจาก Hammerhead) และมีบทสนทนากันเล็กน้อย

  • น็อคทิส : พวกเราไม่ได้นั่งรอบกองไฟมานานแค่ไหนแล้วนะ…
  • อิกนิส : น่าจะนานอยู่
  • น็อคทิส : …เอ่อ…. [มีอาการเหมือนพูดไม่ออก]
  • กราดิโอรัส : มีอะไรก็ว่ามา
  • น็อคทิส : ชั้นแค่….[แมร่ง….ทำไมมันพูดยากจัง]….พยายามทำให้ตัวเองนิ่งกว่านี้ ถึงจะรู้ว่าสิ่งนี้ต้องเกิดขึ้น และการที่ได้มาเจอ อยู่พร้อมหน้ากัน มันมากเกินจะรับไหว (น็อคทิสน่าจะดีใจที่ตื่นขึ้นมาจากมิติของคริสตัล แล้วเพื่อนๆก็ยังอยู่ แถมยังคอยการกลับมาของน็อคทิสอีกด้วย)
  • พรอมโต้ : ใช่ ถูกแล้วล่ะ
  • กราดิโอรัส : กว่าจะพูดออกมาได้
  • อิกนิส : ดีใจนะ ที่ได้ยินแบบนี้
  • น็อคทิส : เอาละ…. จะพูดยังไงดีล่ะ .. พวกนายน่ะ …เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเลย……

คัทซีนสุดท้าย – โลกมนุษย์ที่เริ่มมีแสงอาทิตย์ฉายขึ้นมา จากการเสียสละของกษัตริย์ เพื่อทำลายความมืดมิดที่ปกคลุม

แล้วฉากจะตัดมาที่อัมบร้า พร้อมกับมีเสียงพ่อของน็อคทิส (Regis) ที่พูดกับลูนาเฟย่าว่า เจ้าทำหน้าที่ได้ดี ที่สามารถส่งแหวนให้กับน็อคทิสได้ แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งถูกกำหนดไว้แล้วก็ตาม ข้าภูมิใจในตัวเค้าที่สุด ขอให้เจ้าทั้งสอง….มีความสุข…..พร้อมกับรูปถ่ายที่เราได้เลือกไว้ก่อนหน้านี้ จะวางไว้ที่บัลลังก์

และจบลงด้วยฉากน็อคทิสและลูนาเฟย่าที่ได้อยู่ด้วยกัน อีกโลกหนึ่ง (หรือโลกในมโน …..ก็มิอาจทราบได้…….)

** หลังจากจบเกมแล้ว เมื่อโหลดเซฟจบขึ้นมาอีกครั้งจะมาอยู่ในห้องพักที่จุดสุดท้ายก่อนเข้าไปต่อสู้กับ Ardyn ซึ่งจะสามารถใช้คำสั่ง Call Umbra ตรงที่นอนกลับมาที่ Lucis ในอดีตเพื่อทำ sub Quest ต่างๆที่เพิ่มขึ้นมาหลังจากจบเกมได้ด้วย **

Related posts