บทสรุป Final Fantasy XV จะประกอบไปด้วย ภารกิจหลักทั้ง 14 Chapter (ภารกิจเสริม ไว้ว่างๆ ค่อยอัพเดตเพิ่มนะครับ) โดยเกมส์นี้มีเนื้อเรื่องหลักคือ เราจะได้รับบทเป็นเจ้าชาย Noctis Lucis Caelum ที่พยายามจะปกป้องบ้านเมืองของเขา จากการรุกรานของพวกจักวรรดิ Niflheim
โดยหนึ่งในเอกลักษณ์ของซีรี่ย์นี้ก็คือ นอกจากจะมีอาวุธเท่ห์ๆ ใหเไดเเลือกใช้หลายแบบแล้ว ยังมีเวทย์มนต์ และเทพอสูรมาช่วยเพิ่มความอลังการให้กับเกมส์อีกด้วย
ถ้าพูดถึงเกมส์ในซีรี่ย์ Final Fantasy ทุกคนต่างก็คาดหวังเอาไว้สูง แต่เกมส์ Final Fantasy XV นั้น หลายๆคน หรือจากรีวิวหลายๆสำนัก ต่างก็ให้ความเห็นที่ค่อนข้างจะตรงกันในเรื่องที่พอเล่นแล้ว เหมือนมันไม่สุด หรือบางคนอาจจะเปรียบเทียบว่าเหมือนเอาเกมส์ที่ยังสร้างไม่เสร็จ มาหลอกขายให้กับเกมเมอร์เลยทีเดียว
ในด้านกราฟฟิคถือว่าว้าวมาก ในครั้งแรกที่เห็น ถ้าไม่นึกถึงเรื่องที่ว่าเกมส์นี้ใช้เวลาสร้างถึงกว่า 10 ปีทีเดียว โดยในภาคนี้ ผู้สร้างได้เสนอแผนที่เป็นแนวเกม Open World (แนวๆ GTA,Skyrim หรือ The Witcher3) แต่ก็อย่างที่บอกไปในตอนแรก ผู้เล่นก็ยังคิดว่ามันยังไม่สุด
ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้น ถือว่าใช้ได้ดีตั้งแต่ตอนแรกๆ แต่ดันไปดรอปตรง 2 ตอนสุดท้าย ที่นักเล่นเกมส์หลายๆคน ถึงกับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เล่นอยู่ดีๆ ทำไมความสนุกมันหายไป โดยเฉพาะตอนจบ ที่รู้สึกว่าเฉยๆมาก เหมือนเล่นเกมส์แอคชั่นให้จบๆไป (หรืออาจจะเป็นเพราะผู้สร้างอาจจะถูกเร่งจากบริษัทแม่ เลยออกๆมาให้มันทันกับวันจำหน่าย ประมาณนั้นเลย)
บทสรุป Final Fantasy XV (เนื้อเรื่องหลัก)
- Departure
- No Turning Back
- The Open World
- Living Legend
- Dark Clouds
- A Way Forward
- Party of Three
- Seaworthy
- Callings
- The Heart of a King
- In the Dark
- End of Days
- Redemption
- Homecoming [END]
เควสเสริม (รออัพเดต)
- Rescue missions
- Broken Cars
- Scraps of Mystery
- Photo Ops
- Hunts
- Tours
- Cid – weapon upgrades
- Dave
- Takka
- Dino
- Cindy – upgrading Regalia
- Randolph – legendary weapons
- Sania – collecting flora and fauna samples
- Navyth – fishing
- Vyv – photos
- Lestallum merchants
- Holly’s quests
- Wiz’s quests
- Remaining quests
ด้านล่างนี้ ขอแถมรีวิว ที่ก็อปปี้มาจาก ThaiGameWiki
Final Fantasy XV พล๊อตดีมีคุณค่า แต่หมดราคาที่การเล่าเรื่อง
(บทรีวิวโดยคุณ Puk_Prig)
เท่าที่ดูในเว็บบอร์ดเกม(แห่งหนึ่ง) Final Fantasy 15 ดูเหมือนจะรั้งตำแหน่ง “เกมที่น่าผิดหวังแห่งปี” ได้ไม่ยาก แต่สำหรับผม เกมนี้มันไม่น่าผิดหวัง(เพราะไม่ได้หวังอะไรมากมาย) แต่มัน “น่าเสียดาย”มากกว่า
เนื่องจากผมเป็นคนเสพวิดีโอเกมในฐานะ “งานวรรณกรรม”เป็นหลัก(เพราะเล่นกากมาก) Final Fantasy 15 มันคืองานที่น่าพอใจในด้านพล็อตเรื่อง(ที่จริงมันดีเกินความคาดหมายด้วยซ้ำ) เล่นจบแล้วมันรู้สึกได้ถึงมวลบางอย่างที่ไหลเวียนอยู่ในสมองและจิตใจสมองมันบอกว่าอยากกลับมาเล่นใหม่(เพราะระบบเกมช่วงครึ่งแรกมันสนุก) แต่จิตใจกลับบอกว่า…”พักไว้ก่อนมั้ย? เนื้อเรื่องมันช่างเจ็บปวดดด T^T”
ทั้งๆที่เนื้อเรื่องมันบีบหัวจิตหัวใจขนาดนี้ แต่มันกลับมีการ “เล่าเรื่อง” ที่ย่ำแย่จนเข้าขั้นวิกฤติ เช่น การที่ตัวเกมให้เรารับรู้ข่าวการพินาศของบ้านเมือง(แถมพ่อพระเอกตายอีก) แต่ก็ยังให้โอกาสเราเดินชิลตีมอน เก็บเงิน จับกบ ตกปลา ให้อาหารแมว ขับรถชมวิว ขี่โจโขโบะ ฯลฯ มันสนุกในแง่ของเกมเพลย์ แต่ในด้านการเล่าเรื่องแล้ว มันก็ยังดูขัดใจยังไงไม่รู้แฮะ ถึงจะบอกว่าเป็นการเดินทางรวบรวมอาวุธกับซัมมอนก็เถอะ…มันดูชิลเกิ๊นนนน
การเล่าเรื่องที่แบ่งออกเป็นแชพเตอร์ที่ดูขาดๆเกินๆ บางแชพเตอร์มันก็สั้นจนไม่ต้องมีก็ได้ บางแชพเตอร์มันก็ยืดเยื้อเสียจนคิดว่า…ไม่ต้องยืดยาวขนาดนี้มั๊ง(ใช่ครับ…ผมกำลังหมายถึงแชพเตอร์ 13) และบางแชพเตอร์ที่ควรจะ(โคตร)อลังการอย่างช่วงที่Niflheim บุกaltissia มันก็โดนหั่นจนแทบไม่เหลือความประทับใจ(จริงๆสำหรับผมคือมัน “ไม่เหลือเลย”)
และสิ่งที่ปวดใจที่สุดก็คือ มันเหมือนกับการอ่านหนังสือที่มีหน้าไม่ครบ! ถ้าอยากอ่านให้ครบทุกหน้า…ก็ซื้อ Season pass สิ -*-
ในความรู้สึก(ส่วนตัว)แล้ว Final Fantasy 15 เป็นเกมดีที่พิการ มันคงอภัยได้ หากมันเป็นเพราะเวลาไม่พอที่จะทำให้สมบูรณ์(เนื่องจากมีการเปลี่ยนโครงสร้างทีมพัฒนา)ในภาคหลัก และมีการแสดงสปิริตด้วยการปล่อยให้โหลดฟรีในส่วนที่ควรจะมีในภาคหลัก(เช่น การแยกทางในช่วงต่างๆของ 3 สหายของตัวเอก, การเพิ่มเรื่องราวในส่วนของลูน่า ชะตากรรมของจักรพรรดิ์แห่ง Niflheim และรีวัส ฯลฯ) แต่เท่าที่ทราบข่าวตอนนี้คือ ตัวละครหลัก 3 ตัว(อินิส พรอมโต กลาดิโอ) เราจะต้องเสียเงินซื้อ season pass ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกแย่ไปเหมือนกัน เพราะมันน่าจะเป็นสิ่งที่เราควรได้จากการเสียเงินซื้อเกมภาคหลักมากกว่า
และถ้าจะทำเนื้อเรื่องขยายในส่วนของเรื่องราวอันน่ารันทดและขุ่นแค้นของอาดินในอดีตกาลนานโพ้นนนน หรือเพิ่มเรื่องราวของทีมกษัตริย์รีจิสในอดีต(ที่มีซิดเป็นหนึ่งในทีม) ฯลฯ เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของจักรวาลนี้ในแบบเสียเงิน มันก็เป็นการเสียเงินเพิ่มที่น่ายินดี
การที่ตัวเกมหลักมันดูไปไม่สุดแบบนี้ จะว่ามันเป็นข้อเสียโดยเฉพาะของเกมนี้ก็คงไม่ได้ เพราะมันเป็นหลักการตลาดของบรรดาค่ายเกม(ส่วนมาก)ที่มีให้เห็นจนดาษดื่นเสียแล้ว
คำถามคือ…เกิดอะไรขึ้นกับวงการเกมในปัจจุบัน? หรือด้วยงบประมาณและเทคโนโลยีในการสร้างเกมในปัจจุบัน มันทำให้สร้างเกมที่”สมบูรณ์ในตัวเอง”นั้นต้องให้เวลาและงบประมาณมากขึ้น ยกตัวอย่างใน Final Fantasy 9 ที่มีระบบ Active Time Event ที่ให้เราสามารถรู้ได้ว่าในช่วงที่ตัวละครแยกทางกัน แต่ละคน(และตัว)ไปทำอะไรที่ไหนกันบ้าง ซึ่งถ้าหาก Final Fantasy 15 มีระบบนี้ ผมว่าคงวิเศษและมันจะ”อิ่ม”มาก แต่ด้วยการที่เกมในปัจจุบันมีความสมจริงในการแสดงผลมากขึ้นมากกว่าสมัยที่ใช้การพรีเรนเดอร์ มันคงทำให้การเล่าเรื่องให้สมบูรณ์ในเกมภาคหลักภาคเดียวจะต้องใช้งบประมาณในการสร้างมากจนเกินไปกระมัง?
โดยส่วนตัวผมไม่มีปัญหาเลย หากจะต้องเสียค่าแผ่นเกมที่แพงขึ้นในระดับที่สมเหตุสมผล(ถ้างบประมาณการสร้างมันสูงจริงๆ) เพื่อแลกกับการที่ได้เล่นเกมที่สมบูรณ์ในภาคหลัก(ย้ำอีกครั้งว่า “โดยส่วนตัวผมเอง”) ส่วนถ้าจะมีภาคขยายมาเสริมความสมบูรณ์ของจักรวาลเกมนั้นๆในแบบเสียเงินอีกที(หรือหลายที ถ้าจักรวาลมันกว้างจริงๆ)ผมก็ยินดี แต่ขอให้ได้เสพแล้วไม่รู้สึกเหมือนอ่านหนังสือที่โดนฉีกเอาบางหน้า/บางบทออกไป แล้วเอาออกมาขายแยกทีหลังแบบนี้…มันเจ็บปวด
เจ็บปวดที่งานศิลป์ดีๆ ต้องมาสังเวยความเห็นแก่เงินจนเกินงามของค่ายเกมในปัจจุบัน